ไวรัสตับอักเสบซี - เสี่ยงมะเร็งตับ - การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี

ไวรัสตับอักเสบซี

 

     ไวรัสตับอักเสบ ซี เป็นโรค ที่สาเหตุมาจากการติดเชื้อ (HCV) โดยไวรัสตับอักเสบซี จะสามารถติดต่อกันได้ ทางเลือด หรือการมีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้ง ทั้งนี้ หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา ก็จะส่งผลที่รุนแรงต่อตับได้ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็น โรงตับที่รุนปรง หรือเป็นมะเร็งตับ ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ทันสมัย ก็อาจจะช่วยรักษา ให้ผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบ ซี หายขาดเป็นปกติได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี จะสามารถควบคุมอาการ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

     ไวรัสตับอักเสบซี โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วย จะไม่แสดงอาการ และหากตรวจพบก็แสดงว่า เชื้อได้เข้าไปทำความเสียหาย ต่อตับมากแล้วนั้นเอง ซึ่งทางการแพทย์ ได้ให้ข้อมูลว่า จะมีผู้ป่วยโรค ไวรัสตับอักเสบซี แสดงอาหรให้เห็นในช่วง ระยะ 6 เดือนแรกที่ได้รับเชื้อ น้อยมาก ซึ่งอาจจะแสดงอาการ เพียงเล็กน้อย และในเวลาอันสั้น เพียงไม่กี่ สัปดาห์เท่านั้น นอกจากนี้ ถ้าผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อใหม่ๆ หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะสามารถ ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ได้เอง ในระยะเวลาไม่กี่เดือน และจะไม่แสดงอาการอีก หากได้รับเชื้ออีกครั้ง หรือยังมีเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เป็นเวลานาน ก็อาจพัฒนาไปเป็น ไวรัสตับอักเสบซี แบบเรื้อรังได้

อาการผู้ป่าวตับอักเสบเรื้อรัง

  • ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • อารมณ์แปรปรวน
  • มีความรู้สึกว่าเหนื่ออยู่ตลอดเวลา
  • บางครั้งรู้สึก ไม่สบาย ป่วย เป็นไข้
  • ความจำสั้น ไม่มีสมาธิ
  • มีภาวะซึมเศร้า หรือวิตกังวล
  • น้ำหนักลด
  • อาหารไม่ย่อย ท้องอืดบ่อย
  • มีอาการปวดช่องท้อง
  • มีอาการขาบวม
  • ปัสสาวะมีสีเข้ม
  • ตามผิงหนังมีผื่นคันขึ้น
  • มีรอยช้ำและเลือดออกง่าย

   ภาวะแทรกซ้อนของ โรคไวรัสตับอักเสบซี หากมีการติดเชื้อต่อเนื่อง นานหลายปี ไวรัสตับอักเสบซี สามารถทำให้เกิด ภาวะแทรกซ้อน ขึ้นได้ เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ ตับวาย

ไวรัสตับอักเสบซี - เสี่ยงมะเร็งตับ - การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี

การรักษาโรค ไวรัสตับอักเสบซี

โรคไวรัสตับอักเสบซี หากรักษาถูกวิธี ก็มีโอกาสหายขาดได้ โดยปรกติ แพทย์จะฉีดยา “Pegylated Interferon” ร่วมกับการ รับประทานยา “Ribavirin” เป็นเวลาประมาณ 24 – 48 อาทิตย์

อ่านต่อ...